ห้องที่ ๖ : พระยาสุนทรนุรักษ


          พระพรตสตรุตสดับแจ้งพจมาน
ในศุภลักษณสาสนชนกไท้
โสมนัศสุดจักปานใดเปรียบ
เสมอรศอำมฤตยไล้ลูบให้เย็นกมล
          สองเสด็จโดยด่วนเฝ้าไอยกา
นบบาททูลจอมนราธิราชท้าว
หลานรักจักขอลาบัวบาท พระเอย
ไปอยุทธยาด้าวดุจได้สดับสาสน
          ด้วยองค์มงกุฎเจ้าจอมอยุท ธยาเอย
จะอภิเศกพระทรงครุธแก่นไท้
กับพระลักษมีสุดโสมนัศ ยิ่งนา
ในมิถิลานครให้แต่งตั้งสยุมพร
          ปางปิ่นไกยเกษแก้วกรุงกษัตริย์
เปรมกะมลศุขพิพัฒใช่น้อย
สดับสองวรราชนัดดากล่าว ทูลแฮ
จึ่งพระดำหรัสถ้อยสวัสดิให้ไชยเฉลิม
          หลานรักจงรีบร้อนเรวพลัน
ไปอยุทธย์โดยวันเริ่มไว้
กอบการวิวาห์สรรศุภฤกษ สองนา
ตามพระราชสาสนไท้ท่านท้าวบิดุรงค์
          สองจงทูลบาทไท้ทธรฐ
อีกพระกฤษณปรากฎเกียรดิแกล้ว
จงเจริญพระชนม์ยศสวัสดิยิ่ง ยืนนาน
เปนปิ่นจันโลงแผ้วผ่องฟ้ามหาสฐาน
          พระทรงอนุญาตแล้วตรัสสอน
สองจากไอยกาจรจิตรว้า
จะยาตรพยุหรอนแรมเถื่อน
ไตรตรวจพลช้างม้าแวดล้อมวงรวัง
          อย่าหมิ่นประมาทด้วยมรรคา
ไพพิศม์สัตวพาลาเหล่าร้าย
ปิศาจภูดมายาลวงหลอก หลอนแฮ
จะยกจะยาตรย้ายอยุดยั้งรวังไภย
          จงผันจงผอนให้พักพล
แรมอยดรอแรมคนล่าล้า
หายเหนื่อยจึ่งจรดลพยุห์ยาตร ไปนา
พลบค่ำชรอ่ำฟ้าอย่าได้บทจร
          จงจำกำหนดข้อคำสอน
เสร็จประสาศอวยพรเพิ่มให้
จงสวัสดิสถาวรเจริญศุข หลานเอย
สรรพทุกข์ขุกเข็ญไข้อย่าข้องรคายเคือง
          พระพรตสัตรุตน้อมประนมกร
รับสั่งรับคำสอนใส่เกล้า
ดังได้อมฤตยพรภูลเพิ่ม
ลาบาทไอ่ยกาเจ้าแผ่นพื้นภูวดล
          เสด็จกลับปราสาทแก้วกาญจนา
ทรงประทับปรางปราโมชท้าว
สั่งขุนมุขมาตยาเตรียมพยุห์ ยาตรเฮย
เราจักไปอยุทธด้าวก่อนด้วยโดยพลัน
          เสนีทั้งสี่น้อมปรนตถวาย กรนา
รับสั่งน้องนารายน์รีบร้อน
สู่ศาลลูกขุนหมายทุกหมวด กองแฮ
เกณฑ์หมู่จตุรงค์ต้อนจัดเข้าตามขบวน
          พลคชจัดคชเชื้อฉัททันต์
เสยส่ายซึมซับมันน่าท้าย
ผูกเครื่องคร่ำสุวรรณชลุฉลัก ลายแฮ
ขุนคชขับขยายย้ายย่างเยื้องยืนทยาน
          พลม้าผูกม้าชาติสินธพ
เริงร่ารณรงค์รบร่านร้อง
เครื่องผูกประดับครบดาวมาศ มณีนา
ขุนขับจับทวนจ้องจิตรห้าวฮึกหาญ
          พลรถจัดรถร้ารณรงค์
เทียมเทียบสินธพองอาจห้าว
สาระถีท่าทียงยลสง่า งามเอย
กรก่งเกาทัณฑ์น้าวเหนี่ยวจ้องจักแผลง
          พลรบเริงร่าร้ายฤทธี
กวัดแกว่งตาวทำทีเทิดท้า
เขนทองโล่กฤชตรีธนูน่า ไม้เฮย
แลสะพรึบเพียบหล้าสลับล้วนขบวนพล
          จัดขบวนพยุหริ้วรายธง
ขุนรถจัดรถทรงเสร็จพร้อม
บุษบกสุวรรณ์รหงเรืองรัตน์ อร่ามแฮ
เทียมแสะเทียบเกยน้อมนารถไท้ทูลแถลง
          สององค์ทรงสดับแล้วลีลา
ยังที่สรงธาราลูบไล้
เสร็จประสุคันธาขจรกลิ่น ฟุ้งแฮ
สองขัดติยราชไท้เสด็จเข้าประดับองค์
          ทรงสนับเพลาตาดพื้นพรายพรัน
ภูษิตรฉลององค์สุวรรณ์พร่างพร้อย
ตาบทิศทับทรวงสรรสอดมาศ กรเฮย
สรวมประวิชประดับสร้อยอิกสอิ้งมกุฎทรง
          ครั้นเสร็จสองย่างเยื้องยาตรา
ทรงรถเรืองรัตนากนกพริ้ง
เครื่องสูงพัดโบกจามรมาศ
บังแซกคันชิงกลิ้งกลดกั้งบังสูริย์
          ได้ฤกษโหรลั่นฆ้องฃานไชย
เสียงประโคมพลไคลคลาศเต้า
เคลื่อนรถคชเกริกไหย์เหิมร่าน รณนา
ออกจากไกยเกษเข้าเฃตรแคว้นแดนดง
          เดินทางพลางพิศพื้นภูมพนัศ
สพรุ่มพฤกษสพรั่งผลัดช่อช้อย
ตูมบานตระการกลัดกลีบกลิ่น ลเวงแฮ
ชูเชิดผลพวงย้อยยื่นระย้าศุกหอม
          ยลนางนวลแนบไม้ขานาง
ยูงเหยียบยอดยางหางฝ่ายฟ้อน
คับแคจับคบคางตฃาบจับ ตขบนา
เทงทูตเกาะกิ่งสท้อนกทุ่มล้วนกทุงหลาย
          พิศพรรค์จตุบาทครื้นอารัญ
ลมั่งระมาดชมดสมันเม่นสุ้ม
คณยองย่องยืนยันพยัคฆ์ยอบ ขยับแฮ
ควายเถื่อนโคกทิงกลุ้มเกลื่อนกล้ากลาดดง
          สองกษัตริย์เพลินพิศพื้นไพรรหง
คลาเคลื่อนพลเดิรดงด่วนเต้า
ชายแสงพระสุริยงยาตรรถ บ่ายนา
ถึงถิ่นนครเข้าเฃตรด้าวอยุทธยา
          พระดำรัสให้อยุดยั้งยังภาย นอกนา
พอพักพวกพลกายเลื่อยล้า
ทุกกองทุกแถวนายหมวดตรวจ ตราแฮ
เสียงคฤกกึกก้องว้าวุ่นแส้เสียงฃาน
          รวมพลพรั่งพร้อมเสร็จเสนี
ทูลแก่สองกรษัตรีย์ผ่านเกล้า
รวมพลพวกโยธีพักเหนื่อย แล้วนา
เชิญเสด็จยาตรเฝ้าบาทเยื้องบิดุรงค์

จบห้องที่ ๖


  เนื้อความกล่าวถึงเมื่อพระพรตและพระสัตรุดได้รับสารจากท้าวทศรถ ก็ไปเฝ้าท้าวไกยเกษพระไอยกา ทูลลากลับไปกรุงอยุธยาเพื่อจะไปร่วมพระราชพิธีอภิเษกสมรสของพระรามกับนางสีดาที่กรุงมิถิลา ท้าวไกยเกษประทานอนุญาตแล้วให้สององค์นำความทูลท้าวทศรถขอให้ทรงพระเจริญ และตรัสสอนพระนัดดามิให้ประมาทระหว่างการเดินทาง แล้วอำนวยพรให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ พระพรตและพระสัตรุดบัญชาให้เตรียมขบวนเสด็จ เมื่อได้ฤกษ์ ขบวนพยุหยาตราก็เคลื่อนออกจากกรุงไกยเกษ พระพรตและพระสัตรุดเพลิดเพลินชมธรรมชาติระหว่างทางจนขบวนเสด็จล่วงเข้าเขตแดนกรุงอยุธยา จึงให้หยุดพักอยู่นอกกรุงก่อนจะเคลื่อนขบวนเข้ากรุงอยุธยา แล้วทั้งสองพระองค์ก็เสด็จไปเฝ้าท้าวทศรถ

ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “จงผันจงผ่อนให้”
ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “แรมอยุดรอแรมคน”